พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทEร่วมสมัE *** 2

สวัสดีครับบบบบ:)
  

   ก็พบกับผมอีกเช่นเคย วันนี้ยังคงไม่จบกับเรื่อง พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย สำหรับนี้เป็น PART 2 ผมก็อธิบายไม่ถูกอะครับว่าจะไปส่วนไหนดีก่อน เอาเป็นว่าไปส่วนที่ผมไปชมก็แล้วกันนะครับบ ^ ^  จากเมื่อครั้งที่แล้วยังอยู่กันที่ชั้นล่างสุดวันนี้เดินขึ้นบันไดไปอีกชั้นคับ พอเดินขึ้นมาก็จะพบกับความตะลึงอึงกับผลงานศิลปะมากมายก่ายกอง พร้อมกับตามทางก็จะมี รูปปั้นอาร์ต(ไม่ทราบว่าตัวอะไรคับ > <“) แต่ผลงานศิลปะมากมายที่ประดับบนผืนกำแพงนั้นมีหลายรูปแบบ ซึ่งทุกแบบก็ล้วนแต่สื่ออารมร์ของศิลปินที่พยายามจะถ่ายทอดสู่คนชมศิลปะ แต่ละภาพก็จะมีการถ่ายทอดความรู้สึกแตกต่างกันมีทั้งที่ออกมาจากจินตนาการของศิลปินเองและเป็นสิ่งที่ศิลปินได้ประสบพบเจอ เช่น การวาดภาพธรรมชาติ ซึ่งในภาพธรรมชาติ ก็จะมีหลายรูปแบบแตกต่างกันไปทั้งธรรมชาติทีสวยงาม วิวทิวทัศน์บก ทิวทัศน์ทะเล ภัยธรรมชาติ และความเสียหายของธรรมชาติและนอกจากธรรมชาติก็จะมี ประเพณีและวิถีชีวิต เช่นการทำสวนทำนา และนอกจากประเพณีแล้วก็ยังมีด้านความเชื่อเรื่องศาสนาพุทธที่มีความผูกพันธ์กับคนไทยอย่างลึกซึ้ง โดยผลงานที่เกี่ยวกับด้านนี้จะเป็นแนวการวาดของท่านอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่วาดเกี่ยวกับศาสนา เทพเจ้าสวรรค์ โดยจะใช้สีโทนสีฟ้า ขาว ทอง ให้ความรู้สึกสงบ เย็นสบายตา ซึ่งแนวการวาดของท่านอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จะแตกต่างกันแนวการวาดของท่านอาจารย์ ถวัลย์ ดัชนี (ดังที่ได้กล่าวเมื่อตอนแรกกันแล้วคับ)และที่ผมชอบก็คงจะเป็นลวดลายไทยที่มีความอ่อนช้อยงดงาม แต่ผลงานของศิลปินทั้งสองท่านก็ล้วนแต่สื่อความเป็นไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีชาติใดเหมือน และไม่เหมือนชาติใดในโลกนี้ 
  

 

 

 

    ภาพนี้เป็นภาพที่มีเทคนิคการสร้างที่แปลกตาไปกว่าผลงานชิ้นอื่นๆ ตรงที่เป็นการนำเศษไม้จริงง มาตัดให้เป็นชิ้นแล้วนำมาเรียงต่อกันเป็นสะพานไม้แล้วจึงทาสี ให้ความรู้สึกว่าภาพมีมิติมากขึ้น เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยมของศิลปินจริงคับ


  

   

 

 

 

 

 

 

ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่ให้อารมณ์มากครับ ในความรู้สึกของผมนั้นเป็นการสื่อถึงความหลากหลายสิ่งมีชีวิต ที่อยู่ในระบบนิเวศน์ที่แตกต่างกันและความสำคัญของน้ำดังที่จะเห็นในภาพว่า สัตว์ที่มีลำตัวออกมานอกบริเวณที่มีน้ำจะเหลือเพียงกระดูก เป็นการสื่อความหมายของศิลปินที่ใช้ความรู้+จินตนาการ และอีกภาพ(ล่าง) ก็สื่อถึงสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ ที่เรามองเห็นได้ แต่ละภาพล้วนแต่สวยงามมากคับ

 


  

 

 

 

 

 

 

    ภาพเหล่านี้ก็คล้ายๆกับชุดที่แล้ว แต่แตกต่างกันที่แรงบันดาลใจของศิลปินที่น่าจะมีแรงบันดาลใจมาจากไข่เพียงใบเดียว ที่หลายคนมองว่าเป็นไข่ธรรมดาใบหนึ่งแต่สำหรับศิลปินแล้วสิ่งรอบตัวคือศิลปะที่รอการแต่งเติมสร้างสรรค์ให้มีความสวยงามและแตกต่างจากเดิม สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของศิลปินคับ ซึ่ง 2 ภาพนี้ก็เป็นภาพที่แปลกและสวยงามเกินคำบรรยายคับ
  

    มาถึงภาพชุดนี้เป็นการใช้เทคนิคการปัดปลายพู่กัน เพื่อให้ภาพดูมีทั้งการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและรวมถึงความน่ากลัววังเวง (ไม่ใช่ผมถ่ายภาพไม่ชัดหรือภาพมัวนะครับ) แต่มันเป็นการใช้เทคนิค เมื่อดูแล้วก็รู้สึกขนลุกประมาณว่า บ้านผีสิงอะคับ น่ากลัว ๐_O แต่ก็สวยคับ 
    พี่วิทยากรที่นำชมบอกว่าภาพแต่ละภาพนั้นมาจากความรู้สึกที่แท้จริงของศิลปิน ที่จะพยายามถ่ายทอดให้คนชมรู้สึกเช่นเดียวกัน และภาพแต่ละภาพนั้นก็ไม่ได้ใช้เวลาเพียงนิดเดียวถึงจะเสร็จ บางภาพใช้เวลาเป็นเดือน บางภาพใช้เวลาเป็นปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์มาเป็นผลงานที่เราได้ชมกันทุกภาพล้วนแต่มีความตั้งใจของศิลปินแฝงอยู่ และภาพทุกภาพก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะไทยที่น่าชื่นชมและน่ารักษาไว้ให้คงอยู่ เพราะศิลปะไทยนั้นเป็นศิลปะที่มีความประณีตงดงามอ่อนช้อย ทุกกระเบียดนิ้ว คนไทยทุกคนก็ควรที่จะตระหนักรักษ์ศิลปะไทย ไม่ให้ศิลปะไทยเสื่อมสูญไปจากคนไทย ให้คงอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน ให้นานาอารยประเทศยอมรับในความเป็นผู้นำทางความเจริญด้านศิลปะวัฒนธรรมของไทย ว่าประเทศไทยก็ไม่เป็นสองรองใครในเรื่องศิลปะ และสุดท้ายนี้ผมก็ขอจบด้วยคำว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้”(คำกล่าวของ อัลเบิร์ต ไอสไตน์) 😀

 

ใส่ความเห็น