ได้ยินเสียงแว่วดังแผ่วมาแต่ไกลไกล สุขชื่นฤทัยหวานใดจะปานฯ
สวัสดีครับบบ 😀
จากบทเพลงข้างต้นเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากที่ทุกคนเคยแต่ฟังดนตรีสากลเราจะหันมาเป็นดนตรีไทยกันบ้างนะครับ (แต่ต้องบรรเลงเองนะครับ) ก่อนอื่นเลยวันนี้เราจะมาแนะนำเครื่องดนตรีไทยที่จะนำมาบรรเลงบทเพลงนี้นั่นก็คือ ขลุ่ยเพียงออครับหากใครที่เคยเป่ามาแล้วก็คงบรรเลงเพลงได้เลย แต่สำหรับคนที่ยังเล่นไม่เป็นเราจะสอนนะครับ เรามารู้จักกับส่วนประกอบของขลุ่ยกันก่อนดีกว่าครับ มีดังนี้
1. รูปากเป่า : รูที่ใช้ในการเป่า
2. รูปากนกแก้ว : รู้ที่เป็นช่องเดินทางของเสียงหรือแหล่งกำเนิดเสียง
3. รูนิ้วคล้ำ : รูที่ใช้นิ้วโป้งปิดอยู่ด้านหลังของเลาขลุ่ย เป็นรูสำคัญในการไล่เสียง
4. รูนิ้วปิด : เป็นรูที่ใช้ในการปิด – เปิด เพื่อไล่เสียงสูงต่ำ มี 7 รู
5. รูร้อยเชือก : เป็นรูที่ใช้ร้อยเชือกเพื่อคล้องขลุ่ย
เมื่อเรารู้ส่วนประกอบขลุ่ยกันแล้วก็เริ่มเป่ากันเลยครับ เริ่มจากการนั่งต้องนั่งหลังตรง ถือขลุ่ยแนวดิ่งประมาณ 45 องศา การจับขลุ่ยเอามือที่ถนัดไว้ด้านบนโดยการเอานิ้วอุด 3 รูแรกนับจากบน อย่าลืม! เอานิ้วโป้งอุดรูนิ้วคล้ำเวลาเป่าตลอด(ยกเว้นเสียงโดสูง)ด้านหลังขลุ่ยด้วย หลังจากนั้นก็เอามือที่ไม่ถนัดใช้นิ้วอุดรูที่เหลือ ข้อควรระวัง!!!! ในการเริ่มเป่าครั้งแรกต้องตรวจสอบก่อนว่านิ้วทุกนิ้วอุดรูสนิททุกรูหรือยัง ถ้าไม่สนิทจะทำให้ลมรั่ว และเสียงจะเพี้ยน เมื่ออุดครบและสนิททุกรูแล้วก็ลองเป่าเบาๆ จะได้เสียงโด ต่ำ เมื่อได้แล้วก็ฝึกไปเรื่อยๆ พอได้เสียงโดต่ำแล้ว ก็ลองเปิดนิ้วเดียวนิ้วแรกนับจากล่าง จะได้เสียง เร เปิดรูเช่นนี้ไปเรื่อยๆ คือเสียง มี ฟา ซอล ลา จนเหลือนื้วสุดท้ายนับจากล่างจะเป็นเสียง ที หากเราต้องการขึ้นเสียง โดสูง ต้องปล่อยนิ้วที่อุดรูนิ้วคล้ำเหลือเพียงแต่นิ้วเดียว แล้วขณะเป่าต้องเพิ่มลมเข้าไป จึงจะได้เสียง โดสูง และถ้าต้องการขึ้นเสียงเรสูง ก็อุดนิ้วเหมือนเรต่ำแต่ต้องเพิ่มลมให้แรงกว่า เสียงเรต่ำ ทำไปเรื่อยๆ คือเสียง มี ฟา ซอล ลา ก็เพิ่มลมเรื่อยๆ (แต่ส่วนใหญ่แล้วเสียง ทีสูงจะไมนิยมเป่ากัน) หากเป่าครบได้ทุกเสียงแล้ว ก็ลองฝึกไล่เสียงไปกลับจนชำนาญ เพียงเท่านี้ก็สามารถเป่าขลุ่ยได้แล้ว สำหรับวันนี้ผมขอพักไว้เท่านี้ก่อนนะครับ แต่ผมจะไมลืมโน้ต เพลงใกล้รุ่งมาให้เพื่อนๆและทุกคนได้ฝึกเป่ากันนะครับ อย่าลืมฝึกเป่ากันนะครับ