Note เพลง ใกล้รุ่ง :D

สวัสดีครับบบ 😛

   และแล้วก็ได้เวลาใกล้รุ่งกันแล้วครับ จากที่ค้างกันไว้เมื่อคราวก่อน วันนี้ผมได้นำโน้ตเพลง สำหรับบรรเลงขลุ่ยเพียงออมาให้ทุกคนได้ฝึกเป่ากันครับ

_ _ _ _ ล ด ร ล ซ ฟ ซ ล _ ล _ ล _ _ _ _ ฟ ซ ล ด _ _ _ _ ร ด ล ซ
_ _ _ _ ล ด ล ซ _ _ _ _ ด ร ด ล _ _ _ _ ล ด ล ซ _ _ _ _ ด ร ด ฟ
_ _ _ _ ล ด ร ฟ _ _ _ ร _ _ ด ล _ _ _ _ ฟ ร ด ล _ _ _ _ ร ด ล ซ
_ _ _ _ ฟ ร ฟ ซ _ _ ล ด _ _ ล ล _ _ _ _ ล ด ล ซ _ _ _ _ ด ร ด ฟ
_ _ _ _ ฟ ซ ล ซ _ _ ฟ ร ฟ ด ด ล _ _ _ _ ฟ ซ ล ซ _ _ ฟ ร ฟ ร ร ด
_ _ _ _ _ ฟ ล ด _ _ _ ร _ _ ด ฟ _ _ ร ด ล ซ ด ล _ _ ร ด ฟ ซ ล ฟ
_ _ _ _ ล ด ร ล ซ ฟ ซ ซ _ ล _ ล _ _ _ _ ฟ ซ ล ด _ _ _ _ ร ด ล ซ
_ _ _ _ ล ด ล ซ _ _ _ _ ด ร ด ล _ _ _ _ ล ด ล ซ _ _ _ _ ด ร ด ฟ
(พิมโน้ตเองไม่ได้ก็อปจร้า)

     เพลงนี้เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงแซกโซโฟน เป็นเพลงใกล้รุ่งได้อย่างไพเราะเสนาะหูมาก ดังเสียงสวรรค์บรรดาลลงมา เป็นเพลงที่เล่าเรื่องเวลาใกล้รุ่ง คือก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นส่องแสง หากใครได้ยินได้ฟังก็คงนึกถึงบรรยากาศในเวลาใกล้รุ่ง

หากมีโอกาสผมจะนำโน้ตเพลงอื่นๆมากฝากนะครับ Bye!!!

สอนป่าวขลุ่ยไทยจร้า ^_^

ได้ยินเสียงแว่วดังแผ่วมาแต่ไกลไกล สุขชื่นฤทัยหวานใดจะปานฯ

สวัสดีครับบบ 😀

        จากบทเพลงข้างต้นเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากที่ทุกคนเคยแต่ฟังดนตรีสากลเราจะหันมาเป็นดนตรีไทยกันบ้างนะครับ (แต่ต้องบรรเลงเองนะครับ) ก่อนอื่นเลยวันนี้เราจะมาแนะนำเครื่องดนตรีไทยที่จะนำมาบรรเลงบทเพลงนี้นั่นก็คือ ขลุ่ยเพียงออครับหากใครที่เคยเป่ามาแล้วก็คงบรรเลงเพลงได้เลย แต่สำหรับคนที่ยังเล่นไม่เป็นเราจะสอนนะครับ เรามารู้จักกับส่วนประกอบของขลุ่ยกันก่อนดีกว่าครับ มีดังนี้
1. รูปากเป่า : รูที่ใช้ในการเป่า

2. รูปากนกแก้ว : รู้ที่เป็นช่องเดินทางของเสียงหรือแหล่งกำเนิดเสียง


3. รูนิ้วคล้ำ : รูที่ใช้นิ้วโป้งปิดอยู่ด้านหลังของเลาขลุ่ย เป็นรูสำคัญในการไล่เสียง


4. รูนิ้วปิด : เป็นรูที่ใช้ในการปิด – เปิด เพื่อไล่เสียงสูงต่ำ มี 7 รู

5. รูร้อยเชือก : เป็นรูที่ใช้ร้อยเชือกเพื่อคล้องขลุ่ย


เมื่อเรารู้ส่วนประกอบขลุ่ยกันแล้วก็เริ่มเป่ากันเลยครับ เริ่มจากการนั่งต้องนั่งหลังตรง ถือขลุ่ยแนวดิ่งประมาณ 45 องศา การจับขลุ่ยเอามือที่ถนัดไว้ด้านบนโดยการเอานิ้วอุด 3 รูแรกนับจากบน อย่าลืม! เอานิ้วโป้งอุดรูนิ้วคล้ำเวลาเป่าตลอด(ยกเว้นเสียงโดสูง)ด้านหลังขลุ่ยด้วย หลังจากนั้นก็เอามือที่ไม่ถนัดใช้นิ้วอุดรูที่เหลือ  ข้อควรระวัง!!!! ในการเริ่มเป่าครั้งแรกต้องตรวจสอบก่อนว่านิ้วทุกนิ้วอุดรูสนิททุกรูหรือยัง ถ้าไม่สนิทจะทำให้ลมรั่ว และเสียงจะเพี้ยน เมื่ออุดครบและสนิททุกรูแล้วก็ลองเป่าเบาๆ จะได้เสียงโด ต่ำ เมื่อได้แล้วก็ฝึกไปเรื่อยๆ พอได้เสียงโดต่ำแล้ว ก็ลองเปิดนิ้วเดียวนิ้วแรกนับจากล่าง จะได้เสียง เร เปิดรูเช่นนี้ไปเรื่อยๆ คือเสียง มี ฟา ซอล ลา  จนเหลือนื้วสุดท้ายนับจากล่างจะเป็นเสียง ที หากเราต้องการขึ้นเสียง โดสูง ต้องปล่อยนิ้วที่อุดรูนิ้วคล้ำเหลือเพียงแต่นิ้วเดียว แล้วขณะเป่าต้องเพิ่มลมเข้าไป จึงจะได้เสียง โดสูง และถ้าต้องการขึ้นเสียงเรสูง ก็อุดนิ้วเหมือนเรต่ำแต่ต้องเพิ่มลมให้แรงกว่า เสียงเรต่ำ ทำไปเรื่อยๆ คือเสียง มี ฟา ซอล ลา ก็เพิ่มลมเรื่อยๆ (แต่ส่วนใหญ่แล้วเสียง ทีสูงจะไมนิยมเป่ากัน) หากเป่าครบได้ทุกเสียงแล้ว ก็ลองฝึกไล่เสียงไปกลับจนชำนาญ เพียงเท่านี้ก็สามารถเป่าขลุ่ยได้แล้ว สำหรับวันนี้ผมขอพักไว้เท่านี้ก่อนนะครับ แต่ผมจะไมลืมโน้ต เพลงใกล้รุ่งมาให้เพื่อนๆและทุกคนได้ฝึกเป่ากันนะครับ อย่าลืมฝึกเป่ากันนะครับ

กระlป๋าผ้าตามใจฉัน…

สวัสดีครับบบ 😛

    วันนี้ผมมีสิ่งประดิษฐ์(อาจจะเป็นตกแต่งก็ได้) มานำเสนอที่ผมทำเองครับ นั่นก็คือ กระเป๋าตามใจฉันครับ เป็นกระเป๋าผ้าที่มีลายสวยงาม สีสันสดใส เพราะเต็มไปด้วยกระดุม อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าของเหลือใช้ และเป็นการลดโลกร้อนและขยะอีกด้วยครับ วันนี้เราจะมาสอนทำกันนะครับ
วัสดุ/อุปกรณ์
1. ถุงผ้า 1 ใบ
2. สีชอลก์ 1 กล่อง
3. เตารีด 1 ตัว
4. กระดาษไข 4-5 แผ่น
5. เข็ม+ด้าย 1 ชุด
6. กระดุมสีต่างๆ หลายขนาด
7. กรรไกร 1 อัน
ขั้นตอนและวิธีการทำ
1. วาดลายอะไรก็ได้ตามใจชอบบนถุงผ้าด้วยดินสอ แล้วก็ระบายสีตามใจชอบ


2. รอสีแห้งจึงนำกระดาษไขมาวางทับบนลายที่ระบายสีแล้ว แล้วใช้เตารีดรีดจนสีติดกับกระเป๋าผ้า


3.หลังจากนั้นรอสีให้แห้ง แล้วค่อยนำกระดุมขนาดต่างๆ หลายสีมาเย็บลงบนกระเป๋าผ้าตามใจชอบ


4. ได้กระเป๋าผ้าตามใจฉันเสร็จสมบูรณ์

หากเพื่อน ๆคนไหนสนใจก็ลองนำไปทำใช้เองก็ได้หรือจะนำไปขายก็ดีครับ

ภๅพยนตร์LฉลิมพsะLกียsติ 3

สวัสดีครับบบ 🙂
    และนี่ก็เป็นภาพยนตร์สั้นเฉลิมพระเกียรติอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผมได้ชมแล้วก็มีความรู้สึกประหลาดๆ แต่ก็สนุกครับ เป็นเรื่องราวของเด็กที่้ต้องการจะให้ฟันน้ำนมหลุดออก เพื่อนำไปเป็นของขวัญให้ในหลวง (แปลกมากๆๆ) ถึงแม้ของขวัญจะมีค่ามากเพียงใด หรือไม่มีของขวัญให้ท่านเลย ก็คงไม่สำคัญ แต่ของขวัญที่ล้ำค่ามากที่สุดที่ท่านอยากได้ในตอนนี้ก็คือ ให้คนไทยรู้รักสามัคคีกัน เพื่อเป็นรั้วล้อมป้องกันภัยให้แก่ประเทศ เท่านี้ผมก็คิดว่าท่านก็คงมีความสุขมากแล้ว ท่านทำอะไรเพื่อเรามามากแต่เพียงแค่รักกัน ปรองดองกัน ทำไมพวกเราจึงทำเพื่อท่านไม่ได้ แต่ภาพยนตร์ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมีต่ออีกหากอยากรู้อยากเห็นต้องดูตอนต่อไปว่าจะเป็นเรื่องอะไรนะครับ BYe!!!

ภๅพยนตร์LฉลิมพsะLกียsติ 2

สวัสดีครับบบ 😛

         พบกันอีกเช่นเคยครับ กับภาพยนตร์สั้นเฉลิมพระเกียรติ นี่เป็นเรื่องที่สองแล้วครับที่ผมได้ชม เรื่องนี้นะครับเป็นเหมือนละครเลยครับ (แต่ไม่ใช่ละครน้ำเน่าจะครับ) เป็นละครที่ให้คติสอนใจ หากลองสังเกตนะครับ บ้านไหนที่มีลูกสองคน เป็นพี่น้องกัน คนที่เป็นพี่มักจะมองว่าพ่อแม่ลำเอียง ดูและเอาใจใส่ เข้าข้างแต่น้อง แต่เหตุที่พ่อแม่ต้องดูและเอาใจใส่น้องมากกว่าก็เพราะว่า น้องยังเล็กอยู่ ในบางเรื่องก็ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พ่อแม่จึงต้องคอยประคบประหงม ลูกคนเล็กมากกว่า แต่ในเรื่องนี้ผมดูแล้ว Shock มากครับ เมื่อในตอนที่ลูกคนโตกับพ่อได้เปิดใจคุยกัน ปรากฏว่าพ่อเป็นมะเร็งครับ ซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงมาก พรากชีวิตใครหลายๆ คนไปแล้วนับไม่ถ้วน เมื่อพ่อได้คุยกับลูก ได้ปรับความเข้าใจกัน คนเป็นพี่ก็เริ่มยอมรับแล้วว่าเหตุใดพ่อจึงดูแลน้องมากกว่า และในเรื่องนี้ก็มีส่วนที่ผมชอบก็คือ ชื่อของลูกทั้งสองคน ที่ชื่อว่าต้นไม้ กับ ใบหญ้า ที่พ่อตั้งชื่อลูกคนโตว่าต้นไม้ ก็เพราะ เมื่อต้นไม้เจริญเติบโตไปก็จะขยายกิ่งก้านสาขาออกไป เพื่อให้ร่มเงาแกต้นหญ้าต้นเล็กๆ และผู้อื่น นับเป็นเหตุผลที่น่าประทับใจ และกินใจผู้ชมมากครับ และในเรื่องก็ยังสอนให้คนที่เป็นพี่มีความเสียสละ ดูแลผู้เป็นน้อง และนี่ก็เป็นภาพยนตร์ดีๆ อีกเรื่องที่ผมเอามาฝากทุกคนครับ แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะครับยังมีอีกหลายเรื่องรออยู่ครับ Bye!!!

ภๅพยนตร์LฉลิมพsะLกียsติ 1

สวัสดีครับบบ 😀

     หลังจากวันพ่อได้ผ่านมาแล้วนานแสนนาน ผมก็พึ่งระลึกได้ว่า มีการจัดทำภาพยนตร์สั้นเฉลิมพระเกียรติ เพื่อเฉลิมฉลองให้แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เปรียบเสมือนพ่อหลวงของปวงชน เมื่อผมได้ดูแล้ว ตัวผมเองมีความรู้สึกว่า ตอนแรกๆ ผมดูไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่พอจนกระทั่งดำเนินเรื่องราวตั้งแต่กลาง ๆ เรื่องจนจบ มีข้อคิดที่เราจะสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตของเราได้ โดยเฉพาะลูก ๆ ทุกคน ในเรื่องนี้พ่อจะคอยสอนลูกเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตแบบง่าย ๆ โดยมีความผูกพันธ์กับธรรมชาติ ก็เปรียบเสมือนในหลวงของเรา ที่ทรงสั่งสอนให้ปวงชนชาวไทยรู้จักนำธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ และก็รู้จักการให้ประโยชน์แก่ธรรมชาติ ดำเนินชีวิตแบบง่าย ๆ ไม่ยึดติดกับอะไรทั้งสิ้น และในเรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า พ่อสามารถเป็นที่ปรึกษาของลูกได้ ในยามที่ลูกท้อหรือหมดกำลังใจที่จะก้าวต่อไป พ่อก็สามารถให้คำแนะนำลูกได้เสมอ ในทุกๆ ปัญหา ก็คงเหมือนในหลวงของเราอีกเช่นกันที่คอยให้กำลังใจประชาชนของท่านโดยเฉพาะคนที่อยู่ต่างจังหวัด กำลังเดือดร้อน หรือมีปัญหาท่านก็สามารถให้คำแนะนำได้เพื่อให้ประชาชนของท่านเป็นคนสู้ชีวิต ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและปัญหาในชีวิต เท่านี้ก็นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นแล้ว

วัน Father แห่งชาติ

จะรักพ่อเท่าฟ้าเท่าอากาศ       จะรักพ่อเท่าถาดที่ใส่หนม
จะรักพ่อเท่าขวดที่ใส่นม        จะรักพ่อเท่าลมที่โชยมา
จะรักพ่อเท่าเขาตะนาวศรี         จะรักพ่อเท่าชีวีแหละหนา
จะรักพ่อเท่าแม่น้ำเจ้าพระยา    จะรักพ่อยิ่งกว่าสิ่งใดเอย

สวัสดีครับบบ 😛

     วันนี้ในวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ภูมิพลอดุลยเดช มหาราช และก็ได้กำหนดให้เป็นวันพ่อแห่งชาติอีกด้วย เพื่อให้ลูกทุกคนได้ระลึกถึงพระคุณของพ่อไม่ว่าจะเป็นในหลวง ที่เปรียบเสมือนพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย และพ่อบังเกิดเกล้าที่เป็นผู้ให้กำเนิด ให้เลือดให้เนื้อเรามา และเป็นผู้ให้เรามีวันนี้ พระคุณของพ่อหาเปรียบสิ่งใดได้ หากใครที่เคยทำผิดต่อพ่อ ก็ควรที่จะสำนึกผิดไม่ควรปล่อยให้เวลาผ่านไป เพราะเวลาและวารีไม่เคยรอใคร และไม่ย้อนหวนกลับคืนมา ควรที่จะไปขอโทษท่าน เพราะท่านอาจอยู่กับเราได้อีกไม่นาน สังขารของแต่ละคนไม่เที่ยง แล้วแต่กรรมที่ทำมา และอีกอย่างก็คือ ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน ไม่ท่านเป็นท่านที่ต้องจากเรา หรือก็เป็นเราที่ต้องจากท่านไป ควรทำดีเพื่อท่านให้ท่านมีความสุข ไม่ใช่ทำเมื่อตอนที่ท่านไม่อยู่กับเราแล้ว ก็ได้เพียงแต่เคาะโรงศพเรียกท่านกินข้าวกินปลา อย่าให้ถึงวันนั้นเลย ขอให้ลูกทุกคนตระหนักไว้เสมอว่าพ่อก็คือพ่อไม่ว่าจะเป็นคนยังไงเค้าก็คือพ่อของเรา หากสักวันหนึ่งเราได้เติบโตขึ้นมาเป็นพ่อคน เราก็จะรับรู้ความลำบากของพ่อที่เฝ้าเลี้ยงดูเรามาจนเติบใหญ่ พ่อทำทุกอย่างได้เพื่อลูก เหน็ดเหนื่อยเพื่อลูก ขอเพียงแค่ให้ลูกมีความสุข พ่อก็สุขใจยิ่งนัก พ่อเปรียบเสมือนทุกอย่าง เป็นทั้งพ่อ เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งที่ปรึกษา เป็นทุกอย่างที่ลูกอยากให้เป็น  
    มีคนเคยบอกว่า ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ คือการไม่ยอมก้มกราบ ก้มหัวให้ใคร แต่สำหรับพ่อแล้ว ศักดิ์ศรีของความเป็นพ่อนั้นคือการทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกๆทุกคนมีความสุข พ่อหลายๆคนก็คงคิดเช่นนี้ หากลูกๆทุกคนรู้เช่นนี้แล้ว ลองคิดย้อนกลับไปไหมว่าเคยทำอะไรเพื่อพ่อบ้าง หากยังไม่เคยก็ควรรีบกลับไปทำซะ และเนื่องในวันพ่อแห่งชาติก็เป็นโอกาสสำหรับลูกๆ ทุกคนที่แสดงจะความรักต่อพ่อ การแสดงความรักมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การนำพวงมาลัยมากราบพ่อ กอดพ่อ หอมพ่อ ทำการ์ดวันพ่อ หรือพาพ่อและครอบครัวไปทานข้าวนอกบ้าน เพียงเท่านี้พ่อก็มีความสุขเหลือหลายแล้ว
     และในวันนี้ก็มีหลายหน่วยงานที่มีการจัดงานเพื่อสดุดีพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย ที่ทรงทำคุณประโยชน์นานัปการเพื่อแผ่นดินไทย ให้พี่น้องชาวไทยมีความสุข โดยหน่วยงานส่วนใหญ่ก็จะมีทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีการแสดงการไหลเรือไฟที่ประดับด้วยไฟสีต่างๆ แสดงความจงรักภักดีต่อในหลวง และมีการปล่อยโคมลอยนับ 8400 ดวง ณ สะพานพระราม 8 เมื่อขึ้นไปบนท้องฟ้าก็จะเป็นโคมลอยเป็นจำนวนมาไหลเป็นสาย เปรียบเสมือนสายธารแห่งความจงรักภักดีที่มีต่อในหลวง นับเป็นภาพที่ประทับใจมาก ตัวผมเองก็ได้ไปชมเรือไฟ ณ วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร (ดึกไปหน่อยเลยเห็นนิดเดียว:(แต่ก็ยังเก็บภาพมาฝากทุกคนได้บ้างครับ)

พิพิธภัณฑ์ไฮโซ “”Museum Siam”” ตอนที่ 2

สวัสดีครับบบ 😀

มาต่อกันเรื่องที่ค้างกันไว้นะครับ จากส่วนที่ผ่านมาแล้ว ก็คือสยามยุทธ์ ต่อไปจะไปชมในส่วนต่อไปที่ได้จัดแสดงเกี่ยวกับแผนที่ในสมัยก่อนที่เป็นยุคที่มีการล่าอาณานิคม เพื่อขยายอาณาเขตของตนเองให้กว้างใหญ่มากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการแบ่งแยกดินแดนต่างๆ ออกจากกันทำให้เกิดชุมชนและเชื้อชาติต่างๆ ส่วนต่อมาก็จะเป็นส่วนที่มีชื่อว่า กรุงเทพ ภายใต้ฉากอยุธยา ที่จัดแสดงเกี่ยวกับครั้งเมื่อกรุงศรีอยุธยา ที่เมื่อสิ้นกรุงศรีอยุธยา ก็มีการสร้างเมืองขึ้นใหม่ บนผืนดิน บางกอกที่ได้นำแนวคิดและวัฒนธรรมจากเมืองเก่าๆ มารวบรวมไว้ และได้เกณฑ์ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติมารวมกันจนกลายเป็นชาวกรุงเทพในที่สุด ในส่วนนี้ก็จะมีบานหน้าต่างที่วาดเป็นรูปคนต่างเชื้อชาติ ที่เมื่อเปิดหน้าต่างเข้าไปแล้ว ก็จะได้รับความรู้ที่ท่านไม่เคยได้รับมาก่อน เสร็จจากส่วนนี้ก็เดินต่อไป จะเจอส่วนที่จัดแสดงเกี่ยวกับชีวิตนอกเมืองที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอความเป็นธรรมชาติ ซึ่งสื่อให้เห็นถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่อยู่นอกเมือง ไม่ว่าจะเป็นของเล่นต่างๆ อุปกรณ์จับสัตว์และเครื่องมือทำมาหากินของชาวบ้าน ที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญที่สื่อให้เห็นถึงความเป็นไทยที่ไม่มีใครเหมือน ในส่วนนี้ก็จะมีตัวอย่างของเล่นเด็กนอกเมืองมาให้เด็กในเมืองลองเล่นกันด้วย เดินไปเรื่อยๆก็จะเห็นส่วนต่อไป ที่แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสยามประเทศหลังจากการติดต่อกับโลกตะวันตก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาประเทศให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองให้เท่าเทียมกับนานาอารยประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการติดต่อคมนาคม การเปลี่ยนวิถีชีวิตที่ต้องอยู่กับสายน้ำมาเป็นถนนที่จะมีรถเป็นยานพาหนะแทนเรือ ลักษณะการแต่งตัว ความเจริญเหล่านี้จึงเป็นที่มาของ “สยามศิวิไลซ์” ส่วนต่อไปก็จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการกำเนิดประเทศไทยที่เดิมเคยถูกเรียกว่า “สยาม” และยังมีการจัดแสดงเกี่ยวกับความเจริญทางด้านสื่อ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ(สมัยก่อนเรียกทรานซิสเตอร์) หรือเครื่องเสียงที่มีลักษณะคล้ายๆโทรโข่งสมัยนี้ และสื่อต่างๆที่เกี่ยวกับการโฆษณา และส่วนนี้ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกกันด้วย โดยเฉพาะใครที่อยากเป็นผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ ก็สามารถมาฝึกได้ที่นี่เพราะเค้าจะมีตัวอย่างข่าวให้เราได้อ่านและมีกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวขาวดำให้เราดูกันอีกด้วย  ห้องต่อไปก็เป็นการจำลองสีสันของประเทศไทยหลังจากได้รับวัฒนธรรมและเปิดกว้างทางด้านเศรษฐกิจมาให้ดูกัน เช่น ลักษณะรถยนต์ ผลับหรือบาร์นักร้อง ช่างเป็นสีสันสะดุดตาน่าครื้นเครง ส่วนต่อไปเป็นห้องที่น่าพิศวงยิ่งนักมีแต่ความมืดมีเพียงแต่แสงจากจอโทรทัศน์เล็กที่ติดอยู่กับขดท่อที่ม้วนเป็นเกลียวรอบห้องและแสงสีแดงจากผนังห้องผมก็ไม่เข้าใจว่าเค้าต้องการจะสื่ออะไรเหมือนกันครับ 😛 พอมาห้องต่อไปเป็นห้องที่น่าสนุกมากครับจะเป็นห้องที่มีแท่นไว้ให้เราเขียนความรู้สึกหรืออะไรก็ได้ที่อยากเขียน รอสักครู่ถ้าไปยืนอยู่ตรงไหนตรงนั้นก็จะมีตัวอักษรที่เราเขียนไว้โผล่ขึ้นมา ก็ฝากกันไว้แค่นี้นะครับ ส่วนใครที่สนใจอยากลองแวะมาเที่ยวมาชม
พิพิธภัณฑ์จะตั้งอยู่บริเวณข้างๆ วัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม ถนนสนามไชย เขตพระนคร
เวลาทำการ ก็เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น.
การเดินทาง  ถ้าเป็นเรือกก็ลงที่ท่าราชินี หรือ ท่าเตียนก็ได้ ส่วนรถโดยสารประจำทาง ก็มีสาย 3, 6, 9, 12, 32, 44, 47, 53,82, 524
ค่าเข้าชม ถ้าเป็นนักเรียน นักศึกษา อายุ 15 ปีขึ้นไป ราคา50 บาท
                  ผู้ใหญ่คนไทย 100 บาท
                  ผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ 300 บาท
หากใครที่สนใจก็ลองมากันได้นะครับ…

พิพิธภัณฑ์ไฮโซ “”Museum Siam”” ตอนที่ 1

     

  สวัสดีครับบบ 😀

      วันนี้ผมจะพาไปเที่ยวอีกสถานที่หนึ่งที่บางคนก็อาจจะยังไม่เคยไปกันครับ สถานที่นี้ตั้งอยู่ข้างๆวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามหรือวัดโพธิ์ สถานที่แห่งนี้ก็คือ มิวเซียมสยาม (Museum Siam) เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งการเรียนรู้รูปแบบใหม่ที่ให้ความรู้แก่ผู้ที่ต้องการศึกษาโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไทยเพื่อสร้างจิตใต้สำนึกที่ดีในการรู้จักตนเอง รู้จักคนรอบข้าง และรู้จักโลก รวมถึงการสร้างแนวคิดและภาพลักษณ์ใหม่ของ พิพิธภัณฑ์ เพื่อไม่ให้ซ้ำซากจำเจแลดูน่าเบื่อ เพื่อเปิดโลกกระทัดในสังคมแห่งการเรียนรู้โดยใช้เทคโนโลยีเป็นสื่อกลางเพื่อสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลิน โดยสถานที่แห่งนี้เดิมเคยเป็นกระทรวงพาณิชย์เก่ามาก่อน แล้วจึงมาสร้างและปรับเปลี่ยนใหม่แต่ยังคงลักษณะเดิมไว้อยู่บ้าง เมื่อเข้าไปในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ห้องแรกเลยที่ทุกท่านจะต้องไม่พลาดนั่นก็คือห้องโถงที่คล้ายๆ โรงหนังเล็กๆ ที่จะเปิดวีดิทัศน์ความเป็มของบรรพรุษชาวไทย วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณกาล เพื่อให้ผู้ชมได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเอง รู้จักความเป็นไทย ส่วนต่อไปก็เป็นส่วนที่จัดแสดงความเป็นไทยแท้ ว่าลักษณะของไทยแท้เป็นอย่างไร โดยจะมีสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทย เช่น รถสามล้อ รถเข็นขายส้มตำ ความเชื่อเกี่ยวกับการตั้งศาลเจ้าที่ และความเจริญรุ่งเรืองของไทยแท้ ส่วนถัดมาก็เป็นการแสดงเกี่ยวกับความเป็นมาและวิวัฒนาการของสุวรรณภูมิตั้งแต่เริ่มแรก ที่จะมีการแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์เพื่อแสดงให้เห็นว่าดินแดนแห่งนี้คือ “สุวรรณภูมิ” ห้องถัดไป ก็ไม่พ้นดินแดนสุวรรณภูมิ ดินแดนแห่งความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่ง เป็นการจัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในดินแดนแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น อาชีพเช่น เกษตรกร พ่อค้าแม่ขาย หรือผู้คนเชื้อชาติต่างๆที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานและอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ เพื่อทำให้รู้ว่าสุวรรณภูมิคือ “รากเหง้าของประเทศไทย” และส่วนนี้ก็จะมีหน้าจอสัมผัส ที่เมื่อเราสัมผัสในบริเวณต่างก็จะมีข้อมูลเพื่อให้ความรู้ ส่วนถัดไปก็จะเป็น ส่วนที่ชื่อว่า พุทธิปัญญา ซึ่งแสดงเกี่ยวกับ ลัทธิความเชื่อของคนที่อยู่อาศัยในดินแดนสุวรรณภูมิ โดยมีพระพุทธศาสนาเป็นหลัก (ห้องนี้ก็อาจดูลึกลับนิดนึง) พอมาส่วนต่อไป ก็จะแสดงถึงการกำเนิดสยามประเทศ ที่มีความเป็นมาของแต่ละแว่นแคว้น เรื่องเล่าที่แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างเชื้อชาติวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน ด้วยสื่อทันสมัยต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะเจอส่วนที่เป็นทีจัดแสดง สยามประเทศ ที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยกรุงศรีอยุธยาที่เป็นศูนย์กลางการค้าและแหล่งวัฒนธรรมที่ผสมผสานจากต่างเชื้อชาติ โดยสิ่งที่น่าสนใจคงจะไม่พ้น ขบวนเรือที่ขึงด้วยเอ็นอยู่กลางห้อง นับเป็นจุดสนใจในส่วนนี้เลยทีเดียว ส่วนต่อไปก็เป็นส่วนที่มีชื่อว่า สยามยุทธ์ เป็นการแสดงที่เกี่ยวกับการต่อสู้และการรบในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในส่วนของห้องนี้จะมีเกมสนุก ๆให้เล่นเป็นเกมที่เกี่ยวกับรูปแบบหรือลักษณะการตั้งรับกองทัพรบในสมัยกรุงศรีอยุธยา  ว่าควรจะตั้งรับหรือรุกด้วยวิธีใดจึงจะนำชัยชนะมาได้ และนอกจากนี้ก็ยังมีเกมยิงปืนใหญ่ที่สุดมันส์อีกด้วย หากพูดวันนี้คงไม่หมดขอยกยอดไปต่อในโอกาสต่อไปแระกันนะครับ

นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ Rattanakosin Exhibition Hall ตอนที่ 2

สวัสดีครับบบ 🙂

    วันนี้มาต่อจากคราวที่แล้วกันนะครับ จากเมื่องครั้งที่แล้วถึงห้อง เกียรติยศแผ่นดินสยาม วันนี้เรามาเริ่มกันที่ห้อง เรืองนามมหรสพศิลป์ เป็นห้องที่จัดแสดงในด้านศิลปะการแสดง และมหรสพต่าง ๆที่เกิดขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ อาทิเช่น การเชิดหนังใหญ่ โขน รำ และหุ่นต่างๆ ห้องนี้ได้มีการจัดแสดงหัวโขนและตัวละครลักษณะต่างๆ รวมถึงมีสื่อประกอบในการเรียนรู้ภาษาท่าทางโขนกับ 4 ตัวละครหลัก ได้แก่ ตัวพระ ยักษ์ นาง และลิง  นอกจากนี้ยังมีมุมน่ารักๆ ที่ให้ผู้ชมได้ร่วมสนุกนั่นก็คือมุมเจ้าจุกเจ้าแกละ ที่เป็นตัวละครหุ่นกระบอกไว้ให้เด็กๆได้เชิดเล่นกัน และก็จะมีห้องโถงอีกห้องหนึ่งในส่วนเดียวกันที่มีผนังห้องเป็นจอภาพรอบห้อง 360 องศา ที่สื่อถึงงานมหรสพสมโภชน์ต่างๆ ในรูปแบบแอนิเมชั่น เบื่อกันหรือยังครับผ่านมาเกือบครึ่งทาง แต่อย่าพึ่งเบื่อครับยังมีอะไรสนุกๆ ให้ทำกันอีกครับในห้องต่อไปที่มีชื่อว่า เยี่ยมยลถิ่นกรุง เป็นห้องที่แนะนำว่าบนเกาะรัตนโกสินทร์แห่งนี้มีที่เที่ยวที่ไหนบ้างที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเที่ยวหรือเรื่องอาหารการกิน แต่ที่บอกว่ามีอะไรให้ทำสนุกๆในห้องนี่้ก็คือว่าจะมีเจ้าหน้าที่ชวนให้ถ่ายรูปกับกล้องโบราณรูปร่างแปลกประหลาดไม่เคยเห็นมาก่อน พอถ่ายเสร็จก็จะมีห้องที่จัดแสดงเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวแต่ที่น่าสนใจและเป็นจุดเด่นของห้องนี้ก็คือหน้าจอใหญ่ที่มีการ์ตูนแอนิเมชั่นที่มีใบหน้าเป็นหน้าเราตามที่ได้ถ่ายรูปไปแล้ว เป็นสิ่งที่เรียกเสียงหัวเราะขำขันของผู้พบเห็น( แต่สำหรับห้องนี้ผมไม่ได้เป็นคนโดนถ่ายแต่เพื่อนผมเป็นคนโดนถ่าย 555+) พอสนุกสนานกันพอควร พี่เจ้าหน้าที่ก็พาไปที่ห้องต่อไปมีชื่อว่า ลือระบิลพระราชพิธี ซึ่งพระราชพิธีก็คือธรรมเนียมปฏิบัติที่ยิ่งใหญ่และสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลาช้านานโดยพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์เป็นผู้สืบทอดและรักษา โดยเฉพาะพิธีมงลคจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ที่เป็นพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของชาวนาหรือเกษตรกรไทยผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติ เป็นการปลุกขวัญกำลังใจของพี่น้องชาวนาไทย และยังมีคำทำนายว่าพระโคกินอะไรจะเป็นอย่างไรซึ่งก็เป็นเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพระยุหยาตราทางชลมารคที่เป็นพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่ตระกาลตามาก เมื่อเสร็จกันแล้วก็มาถึงห้องสุดท้ายที่มีชื่อว่า สง่าศรีสถาปัตยกรรม ที่แสดงรปูแบบสิ่งก่อสร้างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัง วัดหรือบ้านในสมัยก่อนจนเปลี่ยนแปลงมาถึงในยุคปัจจุบัน ที่ได้รับเอาวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาผสมผสานกับวัฒนธรรมไทยได้อย่างลงตัวและงดงามอย่างยิ่ง และที่น่าสนุกยิ่งไปกว่านั้นคือมีของเล่นสนุกๆ คือ การบังคับรถ เรือและรถลากที่ต้องใช้ม้า เพื่อชมบรรยากาศผ่านหน้าจอเกม ก็เป็นเกมที่สนุกไม่แพ้เกม Wii เลยทีเดียว และนอกจากส่วนของนิทรรศการแล้วก็ยังมีในส่วนเบ็ดเตล็ดอื่นๆ ก็เล่ามาจนเกือบหมดเปลือกแล้วนะครับ สำหรับใครที่สนใจอยากจะมาชมและดื่มด่ำไปกับบรรยากาศไทยสไตล์ไฮเทคพร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ดีเยี่ยมไม่น่าเบื่อก็ลองมากันได้นะครับ สำหรับค่าเข้าชมผู้ใหญ่คนละ 200 บาทเด็ก(สูงไม่เกิน 110 ซม. ) คนละ 50 บาท สำหรับนักเรียน นักศึกษา (ในเครื่องแบบหรือแสดงบัตร) พระภิกษุ นักบวช ผู้สูงอายุ และคนพิการเข้าชมฟรี วันและเวลาทำการ จะเปิดบริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ อังคาร-ศุกร์ 11.00-20.00 น. เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00-20.00 น. เปิดให้เข้าชมเป็นรอบ ทุกๆ 20 นาที รอบสุดท้ายเวลา 18.20 น.สำหรับการเดินทาง รถปรับอากาศพิเศษ – สาย  ปอ.พ.10-1, ปอ.พ.10-2, ปอ.พ.10-3
รถปรับอากาศ – สาย ปอ.12, ปอ.44, ปอ.59, ปอ.60, ปอ.70, ปอ.79, ปอ.157, ปอ.171
ปอ.185, ปอ.201, ปอ.503, ปอ.511, ปอ.509
รถธรรมดา – สาย  2, 3, 9, 12, 15, 31, 33, 35, 39, 42, 44, 47, 59, 60 64, 68, 70,79, 82, 86, 169,201 ขอบคุณครับ…

Previous Older Entries Next Newer Entries